วัฒนธรรมมัลดีฟส์ ที่เราควรรู้
ผู้หญิงมักมีบทบาทสำคัญในครอบครัวและชุมชนในประวัติศาสตร์ยุคต้นของมัลดีฟส์ มัลดีฟส์มี สุลต่าน หญิงหรือผู้ปกครองซึ่งเป็นหญิง และมีผู้ตั้งข้อสังเกตุว่ากาลครั้งหนึ่งสังคมมัลดีฟส์มีผู้หญิงเป็นใหญ่ ในสังคมปัจจุบันของมัลดีฟส์ ผู้หญิงดำรงตำแหน่งสำคัญในหน่วยงานรัฐบาลและธุรกิจมากมาย มีข้าราชการเป็นผู้หญิงในสัดส่วนที่สูง อัตราส่วนการรับเข้าศึกษาและการจบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา ระหว่างผู้ชายและผู้หญิงมีจำนวนใกล้เคียงกันมาก ผู้หญิงมีตำแหน่งอยู่ในคณะรัฐมนตรีและสภาผู้แทนราษฎร
เทศกาลสำคัญ
วัฒนธรรมและประเพณีของชาวท้องถิ่นยึดรูปแบบของชาวมุสลิมเป็นสำคัญ ตั้งแต่การประกอบ พิธีทางศาสนา ไปจนถึงวิถีชีวิตประจำวัน ซึ่งจะความเคร่งครัดในเรื่องการแต่งกายและอาหารเครื่องดื่มตามหลักศาสนา จำกัดอยู่ในตัวเมืองหลวงเป็นส่วนใหญ่ส่วนบนเกาะอื่นๆ นั้นจะมีบรรยากาศของเมืองท่องเที่ยวชายทะเล ที่ให้อิสระเสรีแด่แขกผู้มาเยือนอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันรีสอร์ต รวมถึงการคมนาคมทางเรือและเครื่องบิน ก็ถึงพร้อมในมาตรฐานระดับโลก ทั้งปลอดภัยและทันสมัย
ชาวบาหลีเชื่อว่าโลกคือบ้านของพวกเขาและนักเดินทางคืออาคันตุกะของพวกเขา ถึงแม้ว่าการขยายตัวของการท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมาทำให้ท่าทีเชิงบวกนี้ได้เปลี่ยนไป แต่ชาวบาหลีในปัจจุบันก็ยังเป็นหนึ่งในกลุ่มชนที่มีความเป็นมิตร และน้ำใจไมตรีสูงมากกลุ่มหนึ่ง และก็ยังคงเป็นผู้ที่มีประเพณี เป็นหัวใจของการดำรงชีวิต นักท่องเที่ยวควรให้ความเคารพต่อประเพณีและทัศนคติของชาวบาหลี ที่อาจแตกต่างจากทัศนคติของตน ชาวบาหลีมีความสุภาพเป็นอย่างมาก และรอยยิ้มเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเกาะ ในปัจจุบันการทักทายด้วยการจับมือแบบตะวันตกเป็นการทักทายที่ใช้อยู่ทั่วไปทั้งชายและหญิง การใช้มือข้างซ้ายในการให้หรือรับของเป็นพฤติกรรมต้องห้าม (เนื่องจากมือข้างซ้ายใช้สำหรับทำกิจกรรมในห้องน้ำ) การใช้มือซ้ายชี้ก็เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเช่นกัน และการกระดิกนิ้วเรียกก็ถือว่าเป็นการไม่สุภาพอย่างมากเช่นกัน
Ramadan
ช่วงเดือนเก้าของปฏิทินจันทรคติของอิสลามถือเป็นเดือนรอมฎอน หรือเดือนถือศีลอด
Eid-ul lhaa
เทศกาลบวงสรวง ตรงกับวันที่ 10 เดือน Zul Hiija หรือวันที่ 66 หลังวันเสร็จสิ้นการถือศีลอด เป็นช่วงวันหยุดยาวของชาวมัลดีฟส์ ราว 5-7 วัน ในช่วงนี้ผู้คนนิยมเดินทางไปเยี่ยมญาติพี่น้องเพื่อนฝูงตามเกาสะต่างๆ และมีการแสดงดนตรี เต้นรำ และกีฬาพื้นเมืองร่วมกับการเต้นรำและดนตรีสมัยใหม่
Kuda Eid
วันสิ้นสุดเดือนถือศีลอด ในตอนเช้าชาวมุสลิมจะเดินทางไผปสวดมนต์ที่มัสยิด จากนั้นจะมีการฉลองที่บ้าน เชิญญาติพี่น้อง เพื่อน และเพื่อนบ้านมาร่วมรับประทานอาหาร ถือเป็นช่วงวันหยุดยาว 3 วัน
วันประสูติศาสดา
ชาวมัลดีฟส์เฉลิมฉองวันคล้ายวันประสูติศาสดาเช่นเดียวกับชาวมุสลิมทั่วโลก มีการเชิญแขกไปร่วมรับประทานอาหารที่บ้าน
นอกจากนี้หากต้องการชมศิลปะเก่าแก่ของมัลดีฟส์สามารถหาดูได้จากแกลเลอรี่เอสเจฮิ (Esjehi Gallery) ที่ตั้งแกลเลอรี่เอสเจฮิถือได้ว่าเป็นตึกเก่าแก่ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในมาเล่ สร้างขึ้นตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1870 เดิมเป็นบ้านขุนนาง ซึ่งปัจจุบันถูกใช้เป็นที่แสดงงานศิลปะ ทั้งศิลปะร่วมสมัยและศิลปะพื้นเมืองของมัลดีฟส์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนน Medhuziyaaraiy Magu
มะพร้าว
มะพร้าวจะใช้ในรูปแบบขูด คั้นให้ได้กะทิหรือเคี่ยวเป็นน้ำมันมะพร้าวสำหรับทอด Hunigondi เป็นอุปกรณ์พื้นบ้านของมัลดีฟส์แบบดั้งเดิมที่ใช้ขูดมะพร้าว มันเป็นเก้าอี้เตี้ยทรงยาวกับใบมีดเหล็กเป็นซี่ ๆ ที่ส่วนปลาย (คล้ายกระต่ายขูดมะพร้าวของไทย) กะทิเป็นส่วนประกอบสำคัญในแกงหลายชนิดของมัลดีฟส์
ปลา
ปลาที่นิยมคือปลาทูน่าทั้งแห้งหรือสด ปลาที่ชื่นชอบอื่น ๆ จะได้แก่ปลา little tuny (latti) ปลาทูน่าเหลือง (kanneli) ปลาทูน่าฟริเกต (raagondi) bigeye scad (mushimas) wahoo (kurumas) and Mahi-mahi (fiyala) ปลาเหล่านี้สามารถรับประทานต้มหรือแปรรูป ชิ้นปลาทูน่าแปรรูปอาจจะใช้ทั้งชิ้นหรือตัดแบ่ง ในการทำแกง ปลาดิบหรือปลาทูน่าแปรรูปถูกตัดออกเป็นชิ้นหนาขนาด 1/2 นิ้ว(13 มม. )ปลาทูน่าแห้งใช้เป็นหลักในอาหารที่เรียกว่า gulha kavaabu bajiyaa และ fatafolhi ชาวมัลดีฟส์ไม่ได้มีประเพณีการรับประทานปลาดิบ ซึ่งแตกต่างจากชาวหมู่เกาะแปซิฟิกส่วนใหญ่
แป้ง
แป้งที่นิยมบริโภค เช่นข้าวซึ่งต้มกินหรือบดเป็นแป้ง พืชหัวเช่นเผือก (ALA) มันเทศ (kattala) หรือมันสำปะหลัง (dandialuvi) เช่นเดียวกับผลไม้ เช่น สาเก (bambukeyo) ลำเจียกหรือเตยทะเล (kashikeyo) พืชหัวและสาเกจะต้มกิน ผลลำเจียกจะกินดิบหลังจากหั่นเป็นชิ้นบาง
ตัวอย่างอาหารมัลดีฟส์
Dhon Riha (Maldivian Tuna Curry)
Masroshi เป็นแป้งที่นำไปอบในเตาที่มีใส้ในเป็นทูน่าเป็นชิ้นเล็กๆซึ่งผสมพริก หัวหอม ขิง ผงแกงลงไปผสมกันกับน้ำมะนาวและเกลือ และมะพร้าว
เทศกาลสำคัญ
วัฒนธรรมและประเพณีของชาวท้องถิ่นยึดรูปแบบของชาวมุสลิมเป็นสำคัญ ตั้งแต่การประกอบ พิธีทางศาสนา ไปจนถึงวิถีชีวิตประจำวัน ซึ่งจะความเคร่งครัดในเรื่องการแต่งกายและอาหารเครื่องดื่มตามหลักศาสนา จำกัดอยู่ในตัวเมืองหลวงเป็นส่วนใหญ่ส่วนบนเกาะอื่นๆ นั้นจะมีบรรยากาศของเมืองท่องเที่ยวชายทะเล ที่ให้อิสระเสรีแด่แขกผู้มาเยือนอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันรีสอร์ต รวมถึงการคมนาคมทางเรือและเครื่องบิน ก็ถึงพร้อมในมาตรฐานระดับโลก ทั้งปลอดภัยและทันสมัย
ชาวบาหลีเชื่อว่าโลกคือบ้านของพวกเขาและนักเดินทางคืออาคันตุกะของพวกเขา ถึงแม้ว่าการขยายตัวของการท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมาทำให้ท่าทีเชิงบวกนี้ได้เปลี่ยนไป แต่ชาวบาหลีในปัจจุบันก็ยังเป็นหนึ่งในกลุ่มชนที่มีความเป็นมิตร และน้ำใจไมตรีสูงมากกลุ่มหนึ่ง และก็ยังคงเป็นผู้ที่มีประเพณี เป็นหัวใจของการดำรงชีวิต นักท่องเที่ยวควรให้ความเคารพต่อประเพณีและทัศนคติของชาวบาหลี ที่อาจแตกต่างจากทัศนคติของตน ชาวบาหลีมีความสุภาพเป็นอย่างมาก และรอยยิ้มเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเกาะ ในปัจจุบันการทักทายด้วยการจับมือแบบตะวันตกเป็นการทักทายที่ใช้อยู่ทั่วไปทั้งชายและหญิง การใช้มือข้างซ้ายในการให้หรือรับของเป็นพฤติกรรมต้องห้าม (เนื่องจากมือข้างซ้ายใช้สำหรับทำกิจกรรมในห้องน้ำ) การใช้มือซ้ายชี้ก็เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเช่นกัน และการกระดิกนิ้วเรียกก็ถือว่าเป็นการไม่สุภาพอย่างมากเช่นกัน
Ramadan
ช่วงเดือนเก้าของปฏิทินจันทรคติของอิสลามถือเป็นเดือนรอมฎอน หรือเดือนถือศีลอด
Eid-ul lhaa
เทศกาลบวงสรวง ตรงกับวันที่ 10 เดือน Zul Hiija หรือวันที่ 66 หลังวันเสร็จสิ้นการถือศีลอด เป็นช่วงวันหยุดยาวของชาวมัลดีฟส์ ราว 5-7 วัน ในช่วงนี้ผู้คนนิยมเดินทางไปเยี่ยมญาติพี่น้องเพื่อนฝูงตามเกาสะต่างๆ และมีการแสดงดนตรี เต้นรำ และกีฬาพื้นเมืองร่วมกับการเต้นรำและดนตรีสมัยใหม่
Kuda Eid
วันสิ้นสุดเดือนถือศีลอด ในตอนเช้าชาวมุสลิมจะเดินทางไผปสวดมนต์ที่มัสยิด จากนั้นจะมีการฉลองที่บ้าน เชิญญาติพี่น้อง เพื่อน และเพื่อนบ้านมาร่วมรับประทานอาหาร ถือเป็นช่วงวันหยุดยาว 3 วัน
วันประสูติศาสดา
ชาวมัลดีฟส์เฉลิมฉองวันคล้ายวันประสูติศาสดาเช่นเดียวกับชาวมุสลิมทั่วโลก มีการเชิญแขกไปร่วมรับประทานอาหารที่บ้าน
การแสดงพื้นเมือง
Bodu Beru Music
เป็นหนึ่งในการแสดงพื้นเมืองที่ได้รับความนิยมมาก พบได้ตามหมู่เกาะที่มีคนพื้นเมืองอาศัยอยู่ การแสดงนี้เป็นการแสดงที่ผู้คนทุกวัยชื่นชอบ และเข้าร่วม อุปกรณ์การแสดงจะประกอบด้วยกลองสามหรือสี่อันซึ่งทำจากมะพร้าว มีนักร้องนำหนึ่งคนและผู้ร่วมวงร้องเสียงประสานอีกจำนวน 10 – 15 คน
Bandiyaa Jehun Dance
เป็นหนึ่งในการแสดงที่นิยมเช่นกัน โดยให้นักแสดงหญิงถือโถน้ำโลหะ ในขณะที่ทำการร้องเพลงซึ่งแต่งขึ้นก็จะทำการเคาะตามจังหวะด้วยนิ้วมือซึ่งสวมแหวนเบาๆ
Bandiyaa Jehun Dance
เป็นหนึ่งในการแสดงที่นิยมเช่นกัน โดยให้นักแสดงหญิงถือโถน้ำโลหะ ในขณะที่ทำการร้องเพลงซึ่งแต่งขึ้นก็จะทำการเคาะตามจังหวะด้วยนิ้วมือซึ่งสวมแหวนเบาๆ
ศิลปะ หัตถกรรมพื้นเมือง
มัลดีฟส์ศิลปะและหัตถกรรมเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของพื้นหลังทางวัฒนธรรมของประเทศที่สะท้อนถึงจิตใจของผู้คน ที่นี่สามารถพบศิลปหัตถกรรมมากมายจากช่างฝีมือของมัลดีฟส์ มีการแกะสลักหินปะการัง ศิลปะการปั้นที่ซับซ้อน มีหัตถกรรมจากการสานพรมโดยบรรดาหญิงชาวบ้าน มีพรมลายต่างๆในหลากหลายขนาดให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อกลับไปประดับบ้าน ศิลปะของที่นี่เป็นจุดสนใจและได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนนอกจากนี้หากต้องการชมศิลปะเก่าแก่ของมัลดีฟส์สามารถหาดูได้จากแกลเลอรี่เอสเจฮิ (Esjehi Gallery) ที่ตั้งแกลเลอรี่เอสเจฮิถือได้ว่าเป็นตึกเก่าแก่ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในมาเล่ สร้างขึ้นตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1870 เดิมเป็นบ้านขุนนาง ซึ่งปัจจุบันถูกใช้เป็นที่แสดงงานศิลปะ ทั้งศิลปะร่วมสมัยและศิลปะพื้นเมืองของมัลดีฟส์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนน Medhuziyaaraiy Magu
อาหาร มัลดีฟส์
อาหารมัลดีฟส์แบบดั้งเดิมจะขึ้นอยู่กับส่วนประกอบสามรายการหลักต่อไปนี้และเครื่องปรุงอื่นๆ
มะพร้าว
มะพร้าวจะใช้ในรูปแบบขูด คั้นให้ได้กะทิหรือเคี่ยวเป็นน้ำมันมะพร้าวสำหรับทอด Hunigondi เป็นอุปกรณ์พื้นบ้านของมัลดีฟส์แบบดั้งเดิมที่ใช้ขูดมะพร้าว มันเป็นเก้าอี้เตี้ยทรงยาวกับใบมีดเหล็กเป็นซี่ ๆ ที่ส่วนปลาย (คล้ายกระต่ายขูดมะพร้าวของไทย) กะทิเป็นส่วนประกอบสำคัญในแกงหลายชนิดของมัลดีฟส์
ปลา
ปลาที่นิยมคือปลาทูน่าทั้งแห้งหรือสด ปลาที่ชื่นชอบอื่น ๆ จะได้แก่ปลา little tuny (latti) ปลาทูน่าเหลือง (kanneli) ปลาทูน่าฟริเกต (raagondi) bigeye scad (mushimas) wahoo (kurumas) and Mahi-mahi (fiyala) ปลาเหล่านี้สามารถรับประทานต้มหรือแปรรูป ชิ้นปลาทูน่าแปรรูปอาจจะใช้ทั้งชิ้นหรือตัดแบ่ง ในการทำแกง ปลาดิบหรือปลาทูน่าแปรรูปถูกตัดออกเป็นชิ้นหนาขนาด 1/2 นิ้ว(13 มม. )ปลาทูน่าแห้งใช้เป็นหลักในอาหารที่เรียกว่า gulha kavaabu bajiyaa และ fatafolhi ชาวมัลดีฟส์ไม่ได้มีประเพณีการรับประทานปลาดิบ ซึ่งแตกต่างจากชาวหมู่เกาะแปซิฟิกส่วนใหญ่
แป้ง
แป้งที่นิยมบริโภค เช่นข้าวซึ่งต้มกินหรือบดเป็นแป้ง พืชหัวเช่นเผือก (ALA) มันเทศ (kattala) หรือมันสำปะหลัง (dandialuvi) เช่นเดียวกับผลไม้ เช่น สาเก (bambukeyo) ลำเจียกหรือเตยทะเล (kashikeyo) พืชหัวและสาเกจะต้มกิน ผลลำเจียกจะกินดิบหลังจากหั่นเป็นชิ้นบาง
ตัวอย่างอาหารมัลดีฟส์
Dhon Riha (Maldivian Tuna Curry)
Masroshi เป็นแป้งที่นำไปอบในเตาที่มีใส้ในเป็นทูน่าเป็นชิ้นเล็กๆซึ่งผสมพริก หัวหอม ขิง ผงแกงลงไปผสมกันกับน้ำมะนาวและเกลือ และมะพร้าว
- ลูกบาส
- ที่ปรึกษาการท่องเที่ยวต่างประเทศ
- 087-586-0909
- 02-735-0909 ต่อ 222
- bass@wtravel.co.th
- Line ID : @edctravel
- ทัศดาว
- ที่ปรึกษาการท่องเที่ยวต่างประเทศ
- 084-772-0110
- 02-735-0909 ต่อ 111
- tuss@edc-booking.com
- Line ID : edctravel1
- คุณซิน
- ที่ปรึกษาการท่องเที่ยวต่างประเทศ
- 065-226-4794
- 027350909 ต่อ 180
- zin@edctravel.co.th
- Line ID : edctravel3
- คุณทิพย์
- ที่ปรึกษาการท่องเที่ยวต่างประเทศ
- 084-770-0808
- 027350909 ต่อ 190
- Tip@edctravel.co.th
- Line ID : edctravel4
- คุณจ้ะเอ๋
- ที่ปรึกษาตั่วเครื่องบินในประเทศ-ต่างประเทศ
- 086-312-8800
- 02-735-0909 ต่อ 130
- edcticket@edc.co.th
- Line ID : edcticket1
- คุณเนตร
- ที่ปรึกษาตั่วเครื่องบินในประเทศ-ต่างประเทศ
- 061-462-6914
- 02-735-0909 ต่อ 140
- netrsai@edc.co.th
- Line ID : edctravel
- ลูกตุ้ม
- ที่ปรึกษาตั่วเครื่องบินในประเทศ-ต่างประเทศ
- 086-366-2511
- 02-735-0909 ต่อ 170
- ticket@edc.co.th
- Line ID : edcticket