06.00 น. พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 9 ROW T เคาน์เตอร์ สายการบินเอมิเรตต์ Emirate Airline (EK) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการเช็คอินให้แก่ทุกท่าน
09.30 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบินที่ EK 375 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
13.15 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ (เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง)
15.55 น. ออกเดินทางสู่ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยเที่ยวบินที่ EK 51
19.35 น. เดินทางถึง สนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมนี นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชม. และ 6 ชม. ในฤดูหนาว)
ที่พัก Mercure Hotel Muenchen Ost Messe หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
ที่พัก Mercure Hotel Muenchen Ost Messe หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านสู่เมืองบ้านเกิดของคีตกวีเอกที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของโลกนาม ว็อล์ฟกัง อมาเดอุส โมซาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) เมืองซาลบวร์ก (Salzburg) เมืองที่มีความหมายว่า ปราสาทเกลือ เนื่องด้วยสมัยก่อนนั้นเกลือถือเป็นวัตถุดิบล้ำค่า มีราคาเทียบเท่ากับทองคำ และที่นครแห่งนี้นั้นมีเหมืองเกลือขนาดใหญ่ ทำให้สภาพทางเศรษฐกิจในซาลบวร์กเฟื่องฟูมากที่สุดเมืองหนึ่งของยุโรปเลยทีเดียว (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.)
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านชมความงามของ พระราชวังและสวนมิราเบล (Mirabell Palace and Gardens) สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1606 โดยเจ้าชายอาร์คบิชอป Wolf Dietrich ซึ่งรับสั่งให้สร้างพระราชวังขึ้นเพื่อ Salome Alt หญิงผู้เป็นที่รักของพระองค์ โดยคำว่ามิราเบล มาจากคำ 2 คำ คือ admirable ที่แปลว่าน่าชื่นชม และ คำว่า beautiful ที่แปลว่าสวย จึงมีความหมายโดยรวมว่า ความโสภาที่น่าอภิรมย์ ดั่งความโรแมนติกอันเป็นเหตุแห่งการสร้างพระราชวังแห่งนี้ ไฮไลท์ของพระราชวังแห่งนี้นั้นคือ ตัวสวนมิราเบล สวนที่ถูกจัดเป็นสไตล์บาโรค ที่ถูกรังสรรค์เพิ่มเติมจนแล้วเสร็จในปี 1690 เป็น 1 ในฉากถ่ายทำภาพยนต์เพลงชื่อก้องโลกอย่าง The Sound Of Music ที่ฉายในปี 1965 นำแสดงโดย จูลี่ แอนดรูว์ กับเพลงที่โด่งดังอย่าง “Do Re Mi”
นำท่านเดินเล่นและแวะถ่ายรูปบริเวณ ถนนGetreidegasse ที่มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์คือ บ้านเลขที่ 9 ซึ่งเป็นบ้านเกิดของโมซาร์ท ถัดไปนั้นเป็น จัตุรัสเรสซิเดนท์ (Residenzplatz) จัตุรัสที่รวมสถานที่สำคัญของเมือง ไม่ว่าจะเป็น อาสน์วิหารซาลบวร์ก พระราชวังเรสซิเดนท์ รวมไปถึง ประติมากรรม Sudliche Dombogen โดยจากตรงนี้ท่านจะสามารถเห็น ป้อมโฮเฮนซาลบวร์ก (Fortress Hohensalzburg) ได้อย่างชัดเจน หลังจากชมเมืองซาลบวร์กเสร็จสิ้นแล้ว
จากนั้น พาท่านเดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านมรดกโลกที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นหมู่บ้านมรกดกโลกที่สวยที่สุดในโลก ฮัลล์สตัท (Hallstatt) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เมืองมรดกโลกที่อยู่ท่ามกลางขุนเขาและทะเลสาบ ตั้งอยู่ในรัฐอัปเปอร์ออสเตรีย มีประชากรไม่ถึง 1,000 คน แต่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนกว่า 800,000 คนต่อปี ด้วยทัศนียภาพตระการตา ที่ธรรมชาติและมนุษย์ร่วมกันประกอบขึ้นทำให้ เป็นสถานที่ที่เป็น The Must ของยุโรปตะวันออกเลยทีเดียว ให้ท่านอิสระในการซึมซับบรรยากาศของเมืองมรดกโลก
ก่อนพาท่านชม เมืองเซ็นท์ วูฟกัง (St.Wolfgang) อีกหนึ่งเมืองที่มีทะเลสาบที่สวย และยังเป็นเมืองตากอากาศที่เลื่องชื่อของประเทศอีกด้วย ให้ท่านได้ผ่อนคลายอริยบทกับธรรมชาติและสถาปัตยกรรมที่อยู่กันอย่างกลมกลืนและลงตัว
**หากพักที่ฮัลล์ตัทท์ จะพาท่านเที่ยวที่เซ็นท์วูฟกังก่อน แต่หากพักที่เซ็นท์วูฟกัง จะพาท่านเที่ยวฮัลสตัทท์ก่อน** (พีเรียดตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 ถึง 31 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป หากได้ที่พักที่ฮัลล์ตัทท์ ขอสงวนสิทธิ์พาท่านไปเมืองฮัลล์ตัทท์ โดยไม่แวะที่เมืองเซ้นท์วูฟกังเนื่องจากพระอาทิตย์ตกเร็วกว่าปกติ ท่านจะได้มีเวลาท่องเที่ยวอย่างเต็มที่)
ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พร้อมเมนูปลาเทร้าช์
ที่พัก SCALARAIA / Heritage Hotel Hallstatt หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
ที่พัก SCALARAIA / Heritage Hotel Hallstatt หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
เช้า บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านมุ่งหน้าสู่ กรุงเวียนนา (Vienna) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) เมืองหลวงของออสเตรีย และดนตรีคลาสสิค เป็นเมืองที่โมสาร์ทมาพำนักในยุคที่รุ่งเรืองของชีวิต พาท่านเข้าชม พระราชวังและสวนเชินน์บรุน (Palace and Gardens of Schonbrunn) พระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์ฮับส์บวร์ค สร้างแบบบาโรก คำว่าเชินน์บรุน นั้น มีความหมายว่า น้ำพุร้อนอันแสนสวยงาม โดยมีการริเริ่มสร้างในช่วงปี ค.ศ. 1569 ตัวอาคารในปัจจุบันนั้นสร้างและต่อเติมในสมัยของพระนางมาเรีย เทเรซ่า โดยมีพระราชประสงค์ให้มีความยิ่งใหญ่และสวยงามทัดเทียมพระราชวังแวร์ซายน์ของราชวงศ์บูร์บง และด้วยพระองค์ทรงโปรดสีเหลืองมากจึงได้มีการใช้สีเหลืองโทนพิเศษตกแต่ง และต่อมาสีเหลืองโทนนี้นั้นจึงได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่าสีเหลืองเทเรซ่า
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น เมนู พิเศษ Sacher Cake เค้กสุดคลาสสิคของเวียนนา
นอกจากนั้นยังมีศาสนสถานที่สำคัญบนถนนแห่งนี้อีกแห่งหนึ่ง คือ อาสนวิหารสเตฟาน (St. Stephen's Cathedral) โบสถ์เก่าแก่ที่อยู่มาตั้งแต่ปี 1160 ตัวอาสนวิหารสร้างด้วยหินปูนมีความยาว 107 เมตร กว้าง 70 เมตร และ สูง 136.7 เมตร มีระฆังทั้งหมด 23 ใบ ใบใหญ่ที่สุดชื่อว่า ระฆังพุมเมริน ที่มีน้ำหนักถึง 20,130 กิโลกรัม ถือเป็นระฆังแบบแกว่งที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรีย และเป็นอันดับ 2 ของยุโรป รองจากระฆังปีเตอร์ ของเยรมันเท่านั้น กล่าวกันว่าบิโทเฟ่นรู้ตัวว่าตนสูญเสียการได้ยิน เพราะว่าเมื่อหันมองไปบนอาสนวิหารแห่งนี้แล้วเห็นนกบินออกจากหอระฆังแต่กลับไม่ได้ยินเสียงระฆังเหมือนเคย จากนั้น พาท่านสู่ ถนนคนเดินแห่งแรกๆ ของยุโรป ที่ ถนนคาร์ทเนอร์ (Kartner Street) ที่มีมาตั้งแต่ในสมัยโรมัน เป็น 1 ใน ถนนที่มุ่งสู่กรงโรมในสมัยนั้น เป็นที่รู้จักกันในชื่อของ Strata Carinthianorum ก่อนจะถูกพัฒนามาเป็นถนนสายช้อปปิ้งในช่วงศตวรรษที่ 19 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บ้านเรือนส่วนมากถูกทำลายทางการก็ได้สร้างตึกรามบ้านช่องที่รูปแบบเดิม
นำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติกรุงเวียนนา เพื่อทำการเช็คอิน และทำคืนภาษี (TAX REFUND)
21.55 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบิน เที่ยวบินที่ EK126 **บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง **
06.35 น. ถึง สนามบินนานาชาติดูไบ ให้ท่านผ่อนคลายอริยบทระหว่างรอเวลาเปลี่ยนเครื่อง
09.30 น. เดินทางสู่อากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตต์ เที่ยวบินที่ EK 372
18.40 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม