23.30 น.                   พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 10 ROW U เคาน์เตอร์ สายการบินเอมิเรตต์ Emirate Airline (EK) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการเช็คอินให้แก่ทุกท่าน

02.50 น.              ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบินที่ EK 377  (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
06.00 น.              เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ (เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง)
08.40 น.              ออกเดินทางสู่ เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์  โดยเที่ยวบินที่ EK087
13.20 น.              เดินทางถึง สนามบินซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซูริค(Zurich) ศูนย์กลางด้านการเงิน เศรษฐกิจ การคมนาคมและการธนาคารของยุโรป ให้ท่านได้เพลิดเพลินเดินเล่นในเมืองซูริค พาท่านชม จุดชมวิวลินเดอฮอฟ (Lindenhof) 1 ในจุดที่มีความสวยงามที่สุดของเมืองซูริค ก่อนพาท่านเดินชม โบสถ์เซ็นท์ปีเตอร์ (St. Peter) โบสถ์เก่าแก่ของเมือง และ มหาวิหารกลอสมุสเตอร์ (Grossmünster) ที่เด่นตะหง่านด้วยหอคอยคู่ นับเป็นหนึ่งในอาคารที่สูงที่สุดของเมืองซูริค
 
และให้ท่านได้อิสระช้อปปิ้งที่บริเวณ ถนนบาร์นฮอฟ (Bahnhofstrasse) ถนนสายช้อปปิ้งของเมือง อัดแน่นไปด้วยด้วยร้านรวงต่างๆ ให้ท่านได้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็น CHANEL, PRADA, LOUIS VUITTON, HERMÈS, GUCCI, BURBERRY, LONGCHAMP, MAC, MANGO, DIESEL, SWAROVSKI และอีกมากมาย

 ค่ำ                            บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (มื้อที่1)
ที่พัก                        Novotel Zurich Airport Messe หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น  ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล

ที่พัก

 เช้า                          บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่2)

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองลูกาโน (Lugano) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.)  หมู่บ้านริมทะเลสาบ เมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐทิชีโน (Tichino) ของสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ตอนใต้สุดของทะเลสาบลูกาโน ถือเป็นที่พักต่างอากาศยอดฮิต ซึ่งติดชายแดนประเทศอิตาลี เป็นที่รู้จักจากความงามตามธรรมชาติที่น่าทึ่งและสภาพอากาศที่อบอุ่น ล้อมรอบด้วยภูเขา มีเมืองเก่าขนาดเล็ก บ้านสีสันสดใสเต็มไปด้วยเสน่ห์มีทางเดินเป็นถนนแคบๆทำด้วยหิน รอบหมู่บ้าน มีโบสถ์ วิหาร พิพิธภัณฑ์ทน่าชมหลายแห่ง รวมถึงร้านอาหารและคาเฟ่ รอบๆเมืองมีให้เลือกมากมาย อิสระให้ทุกท่านเดินเล่นชมเมืองและเก็บภาพความงดงามตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิลาน (MILAN) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) เมืองสำคัญทางภาคเหนือของอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเซลต์คำว่า MID-LAN ซึ่งหมายถึงอยู่กลางที่ราบ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ

 กลางวัน    บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น  (มื้อที่3)

นำท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้า มหาวิหารมิลาน (Duomo di Milano) หนึ่งในโบสถ์ศริสต์สถาปัตยกรรมกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายใน วิหารเชื่อกันว่ามีการบรรจุหมุดตรึงไม้กางเขนของจริงที่ใช้ในการประหารชีวิตพระเยซู บริเวณด้านหน้าตกแต่งด้วยรูปสลักหินอ่อนที่วิจิตรเป็นอย่างยิ่ง
 

นอกจากนั้นหากมีเวลาให้ท่านได้เพลิดเพลินกับช้อปปิ้งมอลล์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปที่ กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซ คอนโด (Galleria Vittorio Emanuele II) ที่อัดแน่นไปด้วย แบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ Prada, Versace, Armani, Dolce & Gabbana, Valentino รวมไปถึงแบรนด์เนมที่คุ้นหู อีกมากมายอย่าง Gucci, LOUIS VUITTON, Swarovski
 
 ค่ำ                           บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น แบบบุฟเฟ่ต์  (มื้อที่4)
ที่พัก                        Double Tree by Hilton หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น  ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

ที่พัก

 เช้า                           บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม  (มื้อที่5)

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองออร์ติเซ (Ortisei) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.20 ชม.) เพื่อนำท่าน นั่งกระเช้าลอยฟ้า Ortisei Alpe di Siusi ขึ้นสู่บนเนิน เขาแอลป์ดิซูซี่ (Alpe Di Siusi) เป็นที่ราบสูงที่ใหญ่ที่สุดและเป็นพื้นที่ปีนเขาและเล่นสกีที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เป็นจุดชมวิวแบบพาโนรามาที่สวยงาม สามารถเห็นทิวทัศน์ภูเขาที่ทอดยาวจาก Sella Group และ Sassungo Group ไปจนถึง Catinaccio ไปจนถึง Sciliar ล้อมรอบ Alpe di Siusi ทั้งหมด จากนั้นนำท่านนั่งกระเช้าลงที่สถานี Seis am Schlern
 
 
 กลางวัน     บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น  (มื้อที่6)

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโบลซาโน (Bolzano) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เป็นเมืองหลักของจังหวัดเซาท์ทีโรล (South Tyrol) เป็นเมืองที่ถูกธรรมชาติรายล้อม มีเนินเขาที่เป็นป่าทุ่งหญ้า ไร่องุ่นและเป็นเมืองหน้าด่านสู่เขต หุบเขาโดโลไมท์ (Dolomites) ที่เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ มีลักษณะเป็นเขาหินปูนผนังแนวตั้งแต่ละลูกมีรูปร่างที่แตกต่างแปลกตาสูงเสียดฟ้า และยังได้รับเป็นมรดกโลกของ UNESCO ในปี 2009 อีกด้วย จากนั้นให้ท่านได้อิสระเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย ณ จัตุรัสกลางเมืองโบลซาโน Piazza Walther
 
 ค่ำ                           บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม  (มื้อที่7)
ที่พัก                        Four Points by Sheraton Bolzano หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น  ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

ที่พัก

 เช้า                        บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม  (มื้อที่8)

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านซานตา แมดดาเลนา (Santa Maddalena) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่อยู่กลางหุบเขาโดโลไมท์ หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อเสียงระดับโลกด้วยธรรมชาติและวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอลังการ จุดเด่นที่นี่ที่นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปคือ St.Johann church โบสถ์เล็กๆ สไตล์บาโรก สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1744 ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างโดดเด่นและมีฉากหลังเป็นเขาหินปูนเป็นวิวที่งดงามราวกับภาพวาด

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบมิซูรีน่า (Lake Misurina) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของแนวเทือกเขาแอลป์ เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่มีน้ำใสเหมือนกระจก ท่านสามารถเห็นหุบเขาโดโลไมท์ที่เป็นฉากหลังสะท้อนกับผิวน้ำอย่างสวยงาม ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งของหุบเขาโดโลไมท์

 กลางวัน     บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น  (มื้อที่9)

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบเบรียส (Lake Braies หรือ Pragser Wildsee) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Fanes Sennes Braies ทะเลสาบสีเขียวมรกตที่ตั้งอยู่ในหุบเขาโดโลไมท์ ทะเลสาบที่ได้ขึ้นชื่อว่าไข่มุกแห่งโดโลไมท์ มีทิวทัศน์ที่สวยงาม รายล้อมด้วยธรรมชาติ มีต้นสนเป็นฉากหลังพร้อมทั้งภูเขาหินปูน เป็นอีกหนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก
 
จากนั้นนำท่านเดินทางลงเข้าสู่ เมืองอินส์บรุค (Innsbruck) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) เป็นเมืองหลวงของรัฐทีโรล ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำอินน์ กลางหุบเขาของเทือกเขาแอลป์ เป็นเมืองเล็กๆ ที่โอบล้อมด้วยภูเขาหิมะขนาดใหญ่ยักษ์ประกบอยู่ทางทิศเหนือ และทิศใต้ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมสวยงาม

 ค่ำ                            บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม  (มื้อที่10)
ที่พัก            AC Hotel Innsbruck หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น  ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

ที่พัก

 เช้า                         บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม  (มื้อที่11)

จากนั้นนำท่านเดินชม ย่านเมืองเก่า (Old Town) บ้านเรือนที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรมไว้ได้อย่างงดงาม ไม่ว่าจะเป็นซุ้มดอกไม้ หรือไม้เลื้อยตามประตู บานหน้าต่าง นำท่านชมอีก 1 ในสัญญาลักษณ์ที่สำคัญของเมืองคือ หลังคาทองคำ (Golden Roof) หลังคาสไตล์บารอกผสมสไตล์โกธิคที่ยื่นออกมาจากระเบียงตกแต่งด้วยทองคำแท้ จำนวน 2,738 แผ่น สร้างในศตวรรษที่ 16 เพื่อเฉลิมฉลองการอภิเษกสมรสครั้งที่ 2 ของจักรพรรดิแมกมิเลียนที่ 1 ชม หอคอยประจำเมืองอินส์บรุค (Stadtturm Innsbruck) ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าใกล้กับอาคารหลังคาทองคำ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1450 เดิมเป็นที่ให้สังเกตการณ์และยังเคยใช้เป็นที่คุมขังนักโทษอีกด้วย ปัจจุบันกลายเป็นหอชมวิวเมืองสำหรับนักท่องเที่ยว

จากนั้นพาทุกท่าน นั่งกระเช้าลอยฟ้า Nordkette ขึ้นสู่บนเนิน ยอดเขาฮาเฟเลการ์ (Hafelekar)  ภูเขาสูงใหญ่ ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 2,334 เมตร สามารถขึ้นไปสัมผัสความงามแบบพาโนรามาจากบนเทือกเขา จุดสูงสุดของยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เป็นจุดชมวิวทั้งตัวเมืองอินนบรุคส์ และทัศนียภาพของยอดเขาสูงได้อย่างจุใจ บรรยากาศดี นอกจากนี้บริเวณยอดเขา Nordkette ยังเป็นลานสกีและจุดปีนเขายอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวสายลุยทั้งหลายอีกด้วย


 กลางวัน     บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน  (มื้อที่12)

พาทุกท่านตะลึงไปกับความน่าตื่นตาตื่นใจของโลกแห่งคริสตัลที่ ชวารอฟสกี้คริสตัลเวิลด์ (Swarovski Crystal Worlds) เข้าชมศูนย์รวมผลงานและผลิตภัณฑ์แบรนด์เครื่องประดับที่มีต้นกำเนิด เมื่อปี 1895 ใน ณ เมืองอินส์บรุค ออกแบบ, ผลิต และจำหน่ายคริสตัลคุณภาพสูง โดย พิพิธภัณฑ์ชวารอฟสกี้ วัตเตนส์ (Swarovski Kristallwelten) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1995 เพื่อฉลองครบรอบหนึ่งร้อยปีแบรนด์อัญมณีชื่อดัง ด้านหน้าจะมี น้ำพุชวารอฟสกี้ (Swarovski Fountain) น้ำพุแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ออกแบบมาแปลกตาไม่เหมือนใคร ด้านในเต็มไปด้วยความระยิบระยับของบรรดาคริสตัล ที่จัดแสดงทั้งหมด 5 ห้องซึ่งเต็มไปด้วยความน่าอัศจรรย์ใจจากคริสตัลชื่อดังของสวารอฟสกี้ที่อยู่ในรูปทรงที่หลากหลาย เช่น สวนของ The Giant และ Crystal Cloud ใช้คริสตัลที่ติดตั้งด้วยมือ 800,000 เม็ด หรือ "Chambers of Wonder" และสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของคริสตัลในมิติที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
 
 
นำท่านสู่เมืองบ้านเกิดของคีตกวีเอกที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของโลกนาม ว็อล์ฟกัง อมาเดอุส โมซาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) เมืองซาลบวร์ก (Salzburg) เมืองที่มีความหมายว่า ปราสาทเกลือ เนื่องด้วยสมัยก่อนนั้นเกลือถือเป็นวัตถุดิบล้ำค่า มีราคาเทียบเท่ากับทองคำ และที่นครแห่งนี้นั้นมีเหมืองเกลือขนาดใหญ่ ทำให้สภาพทางเศรษฐกิจในซาลบวร์กเฟื่องฟูมากที่สุดเมืองหนึ่งของยุโรปเลยทีเดียว (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.)

 ค่ำ                            บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น  (มื้อที่13)
ที่พัก        Austria Trend Hotel Europa Salzburg หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น  ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

ที่พัก

 เช้า                          บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม  (มื้อที่14)

นำท่านชมความงามของ พระราชวังและสวนมิราเบล (Mirabell Palace and Gardens) สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1606 โดยเจ้าชายอาร์คบิชอป Wolf Dietrich ซึ่งรับสั่งให้สร้างพระราชวังขึ้นเพื่อ Salome Alt หญิงผู้เป็นที่รักของพระองค์ โดยคำว่ามิราเบล มาจากคำ 2 คำ คือ admirable ที่แปลว่าน่าชื่นชม และ คำว่า beautiful ที่แปลว่าสวย จึงมีความหมายโดยรวมว่า ความโสภาที่น่าอภิรมย์ ดั่งความโรแมนติกอันเป็นเหตุแห่งการสร้างพระราชวังแห่งนี้ ไฮไลท์ของพระราชวังแห่งนี้นั้นคือ ตัวสวนมิราเบล สวนที่ถูกจัดเป็นสไตล์บาโรค ที่ถูกรังสรรค์เพิ่มเติมจนแล้วเสร็จในปี 1690 เป็น 1 ในฉากถ่ายทำภาพยนต์เพลงชื่อก้องโลกอย่าง The Sound Of Music ที่ฉายในปี 1965 นำแสดงโดย จูลี่ แอนดรูว์ กับเพลงที่โด่งดังอย่าง “Do Re Mi

จากนั้นนำท่านเดินเล่นและแวะถ่ายรูปบริเวณ ถนน Getreidegasse ที่มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์คือ บ้านเลขที่ 9 ซึ่งเป็นบ้านเกิดของโมซาร์ท ถัดไปนั้นเป็น จัตุรัสเรสซิเดนท์ (Residenzplatz) จัตุรัสที่รวมสถานที่สำคัญของเมือง ไม่ว่าจะเป็น อาสน์วิหารซาลบวร์ก พระราชวังเรสซิเดนท์ รวมไปถึง ประติมากรรม Sudliche Dombogen โดยจากตรงนี้ท่านจะสามารถเห็น ป้อมโฮเฮนซาลบวร์ก (Fortress Hohensalzburg) ได้อย่างชัดเจน

จากนั้น                พาท่านเดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านมรดกโลกที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นหมู่บ้านมรกดกโลกที่สวยที่สุดในโลก ฮัลล์สตัท (Hallstatt) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เมืองมรดกโลกที่อยู่ท่ามกลางขุนเขาและทะเลสาบ ตั้งอยู่ในรัฐอัปเปอร์ออสเตรีย มีประชากรไม่ถึง 1,000 คน แต่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนกว่า 800,000 คนต่อปี ด้วยทัศนียภาพตระการตา ที่ธรรมชาติและมนุษย์ร่วมกันประกอบขึ้นทำให้ เป็นสถานที่ที่เป็น The Must ของยุโรปตะวันออกเลยทีเดียว ให้ท่านอิสระในการซึมซับบรรยากาศของเมืองมรดกโลก

 กลางวัน     บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น พิเศษ! เมนูปลาเทราต์  (มื้อที่15)

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองลินทซ์ (Linz) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.40 ชม.) เมืองเก่าที่ยังคงสภาพสถาปัตยกรรมแบบบารอกและได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และเป็นหนึ่งในเมืองที่งดงามที่สุดของออสเตรียภูมิที่มีแม่น้ำดานูบไหลผ่านทั้ง 2 ฝั่ง อิสระให้ท่านเดินชมเมืองได้ตามอัธยาศัยย่านจตุรัสกลางเมือง Hauptplatz ให้ท่านสัมผัสความสวยงามของศิลปะและสถาปัตยกรรมสไตล์บารอกและร็อคโคโค

 ค่ำ                   บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น  (มื้อที่16)
ที่พัก                        Courtyard by Marriott Linz หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น  ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

ที่พัก

 เช้า               บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม  (มื้อที่17)

จากนั้นนำท่านมุ่งหน้าสู่ กรุงเวียนนา (Vienna) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.) เมืองหลวงของออสเตรีย และดนตรีคลาสสิค เป็นเมืองที่โมสาร์ทมาพำนักในยุคที่รุ่งเรืองของชีวิต เมืองหลวงแสนสวยที่ติดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก จากนั้นนำท่านสู่ ถนนคาร์ทเนอร์ (Kartner Street) ถนนคนเดินแห่งแรกๆ ของยุโรป ที่มีมาตั้งแต่ในสมัยโรมัน เป็น 1 ใน ถนนที่มุ่งสู่กรงโรมในสมัยนั้น เป็นที่รู้จักกันในชื่อของ Strata Carinthianorum ก่อนจะถูกพัฒนามาเป็นถนนสายช้อปปิ้งในช่วงศตวรรษที่ 19 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บ้านเรือนส่วนมากถูกทำลายทางการก็ได้สร้างตึกรามบ้านช่องที่รูปแบบเดิม
 
 
นอกจากนั้นยังมีศาสนสถานที่สำคัญบนถนนแห่งนี้อีกแห่งหนึ่ง คือ อาสนวิหารสเตฟาน (St. Stephen's Cathedral) โบสถ์เก่าแก่ที่อยู่มาตั้งแต่ปี 1160 ตัวอาสนวิหารสร้างด้วยหินปูนมีความยาว 107 เมตร กว้าง 70 เมตร และ สูง 136.7 เมตร มีระฆังทั้งหมด 23 ใบ ใบใหญ่ที่สุดชื่อว่า ระฆังพุมเมริน ที่มีน้ำหนักถึง 20,130 กิโลกรัม ถือเป็นระฆังแบบแกว่งที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรีย และเป็นอันดับ 2 ของยุโรป รองจากระฆังปีเตอร์ ของเยรมันเท่านั้น กล่าวกันว่าบิโทเฟ่นรู้ตัวว่าตนสูญเสียการได้ยิน เพราะว่าเมื่อหันมองไปบนอาสนวิหารแห่งนี้แล้วเห็นนกบินออกจากหอระฆังแต่กลับไม่ได้ยินเสียงระฆังเหมือนเคย

 กลางวัน                   อิสระอาหารกลางวัน เพื่อความสะดวกและไม่เป็นการรบกวนเวลาช้อปปิ้งของท่าน
 

 
นำท่านเดินทางสู่ Designer Parndorf Outlet (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) เมืองให้เวลาท่านได้อิสระ ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมมาก มาย อาทิ เช่น GUCCI, BALLY, HUGO BOSS ,BENETTON, BURBERRY, CALVIN KLEIN, CROCS, GEOX, GUESS, LACOSTE , NIKE, OAKLEY, DIESEL และอื่นๆอีกมากมาย อิสระท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
เย็น อิสระอาหารเย็น เพื่อความสะดวกและไม่เป็นการรบกวนเวลาช้อปปิ้งของท่าน
จนกระทั่งได้เวลา พอสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติกรุงเวียนนา เพื่อทำการเช็คอิน และทำคืนภาษี (TAX REFUND)
22.40 น.              ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบินเอมิเรตต์ เที่ยวบินที่ EK126
**บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง **

06.15 น.              เดินทางถึง สนามบินนานาชาติดูไบ (เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง)
09.00 น.              เดินทางสู่ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ  โดยสายการบินเอมิเรตต์ เที่ยวบินที่ EK 372
18.25 น.  เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม