01.00 น. พร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น4 ประตู10 เคาน์เตอร์W ต้อนรับท่านโดยเจ้าหน้าที่ ตรวจเช็คสัมภาระและบัตรเดินทาง
03.55 น. ออกเดินทางสู่ ภูวเนศวร ประเทศอินเดีย โดยสายการบิน Indigo เที่ยวบิน 6E1065
05.05 น. เดินทางถึง Biju Patnaik International Airport สนามบินนานาชาติ ภูวเนศวร(BHUBANESHWAR) นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง และรับกระเป๋า เพื่อขึ้นรถปรับอากาศ รับประทานอาหารเช้า(1)
เดินทางสู่ เมือง คัทแทก(ระยะทางประมาณ 125 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที เมืองขนาดใหญ่อันดับที่ 2 รองจากเมืองภูวเนศวร เพื่อนำท่านชมเหล่าพุทธโบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 1 – 12 (หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 6 – 18)อันได้รับสมญานามว่า “สามเหลี่ยมเพชรแห่งดินแดนพระพุทธศาสนาของรัฐโอริสสา” อันเนื่องมาจากเป็นสถานที่ตั้งของพุทธโบราณสถานที่สำคัญ 3 แห่ง อันได้แก่ ลาลิตคีรี อุทัยคีรี และรัตนคีรี
นำท่านชม หมู่พุทธสถานรัตนคีรี (Ratnagiri) เป็นโบราณสถานที่ถูกค้นพบภายหลัง ได้ปรากฏถึงซากปรักหักพังของวัดขนาดใหญ่จำนวน 2 วัด และสถูปขนาดใหญ่ 1 องค์ ซึ่งสันนิษฐานว่ามีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์คุปตะ ในสมัยพระเจ้านราสิงหะ คุปตะ พารัตติยา (Narasimha Gupta Baladitya) ในสมัยศตวรรษที่ 6 (หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 11) โดยมีการคาดการณ์ว่าพุทธสถานแห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธนิกายตันตระยานหรือวัชรยาน เนื่องจากสถาปัตยกรรมต่างๆที่ถูกขุดพบ อันประกอบไปด้วยซุ้มประตูแกะสลักที่มีความวิจิตรประณีต รวมไปถึงรูปหินปั้นแกะสลักในแบบวัชรยาน ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับศิลปะและสถาปัตยกรรมที่มหาวิทยาลัยนาลันทามหาวิหารในรัฐพิหาร
นำท่านชม พิพิธภัณฑ์หมู่พุทธสถานแห่งรัตนคีรี ซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุที่ถูกขุดพบบริเวณหมู่พุทธสถานแห่งลาลิตคีรี ซึ่งจัดแสดงให้ผู้เข้าชมทั้งหมด 4 ห้อง โดยภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะปรากฏต้นแบบพระเครื่องทำจากสำริดที่ถ่ายทอดมาถึงยุคปัจจุบัน (พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพได้เนื่องจากเป็นสมบัติของประเทศอินเดีย จึงขอความร่วมมือให้พึงปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด)
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน(2)
บ่าย นำท่านชม หมู่พุทธสถานแห่งลาลิตคีรี (Lalitgiri) ซึ่งเป็นพุทธสถานที่เก่าแก่ที่สุดในรัฐโอริสสา ที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 1 (หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 6) ซึ่งมีหลักฐานปรากฏตามบันทึกของพระถังซัมจั๋ง ได้จารึกถึงพุทธสถานแห่งนี้แต่กลับมีชื่อที่แตกต่างกันออกไป คือ “ปุษปาคีรีมหาวิหาร” ที่ระบุถึงสถูปองค์ใหญ่บนยอดเขาลาลิตคีรี และพระวิหารอารามต่างๆ รวมไปถึงสถูปน้อยใหญ่จำนวนมากมาย โดยปัจจุบันพุทธสถานแห่งนี้ยังปรากฏล่องลอยตามจารึก อันได้แก่สถูปสร้างด้วยก้อนอิฐที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งบริเวณบันไดทางขึ้นลาลิตคีรี จะปรากฏพบเห็นพระพุทธรูปแกะสลักของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ รวมไปถึงพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหินแกะสลัก
พร้อมนำท่านชม พิพิธภัณฑ์หมู่พุทธสถานแห่งลาลิตคีรี ที่จัดแสดงผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ทำจากทองคำที่ขุดพบในสถูปหินองค์ใหญ่ รวมไปถึงโบราณวัตถุขนาดน้อยใหญ่จำนวนมากมายที่ประกอบไปด้วย พระพุทธรูปหินปางต่างๆ และพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหินแกะสลัก โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อและนับถือในเรื่องพญานาคที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณดังที่ปรากฏพระพุทธรูปปางนาคปรก (ค่าทัวร์ไม่รวมค่าถ่ายภาพ ประมาณ 100 รูปี/กล้อง)
นำท่านชม หมู่พุทธสถานแห่งอุทัยคีรี (Udayagiri) หรือ “มัทวะปุระมหาวิหาร”พุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในรัฐโอริสสา ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยที่พระพุทธศาสนาในรัฐโอริสสามีความเจริญสูงสุดในช่วงศตวรรษที่ 7 – 12 (หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 – 17) ซึ่งมีการขุดพบสถูปขนาดใหญ่ วิหาร 2 แห่ง รวมไปถึงศิลาจารึกหิน พระพุทธรูปจำนวนมาก และพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหินแกะสลักที่บางส่วนยังคงถูกฝังอยู่ใต้พื้นดิน โดยบริเวณเนินเขาจะปรากฏสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีทางบันไดลงไปซึ่งถือได้ว่าเป็นภูมิปัญญาในการจัดสรรทางน้ำที่มีมาแต่ยุคโบราณ ณ หมู่พุทธสถานแห่งอุทัยคีรี จะปรากฏอักษรพราหมณ์มีโบราณบริเวณพื้น ซึ่งศาสนาพุทธนิกายมหายานมีความเชื่อว่าเป็น “อักษรหรือภาษาของนาคา” ที่ได้มีการทำพันธสัญญาร่วมกับพระพุทธศาสดา ที่จะดูแลคุ้มครองพระพุทธองค์และเหล่าพุทธสถาน นำท่านเดินทางสู่เมืองโคนาร์ค ที่ตั้งอยู่ในเขตปกครองของเมืองปุรี ไปตามแนวชายฝั่งของอ่าวเบงกอล และเป็นสถานที่ตั้งของมรดกโลก สถาปัตยกรรมในศตวรรษที่ 13 นามว่าเทวสถานพระสุริยา หรือที่รู้จักกันในนามว่า เจดีย์ดำ จนได้เวลาเดินทางกลับ ภูวเนศวร
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ(3)ที่ ห้องอาหารของโรงแรม
พักที่ (N1) Cozzet HOTEL หรือเทียบเท่า (ห้องละ 2-3 ท่าน) (รร.แห่งนี้ มีแต่ห้อง DBL)
ที่พัก Cozzet HOTEL หรือเทียบเท่า (ห้องละ 2-3 ท่าน) (รร.แห่งนี้ มีแต่ห้อง DBL)
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า(7)ที่ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม ภูวเนศวร(Bhubaneshwar) เมืองหลวงแห่งรัฐโอริสสา หรือ แคว้นกาลิงคะในสมัยพุทธกาล ซี่งเป็นสถานที่ พระเจ้าอโศกมหาราชทางเปลี่ยนศาสนา อันมาจากสาเหตุสงครามกาลิงคะ ที่พระองค์ทรงยกทัพมาโดยหวังยึดครองแผ่นดินแห่งนี้ จนทำให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ในประเทศอินเดีย มีผู้บาดเจ็บล้มตายเรือนแสน เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชได้เปลี่ยนการนับถือศาสนาจากฮินดูมาเป็นศาสนาพุทธนั้น ทำให้ศาสนาพุทธเข้ามาสู่ยุครุ่งเรืองสูงสุด มีการก่อสร้างเทวสถาน พระพุทธรูป รวมไปถึงการเผยแผ่นศาสนาไปทั่วทั้งชมพูทวีป รวมไปถึงการส่งศาสนาฑูตมายังดินแดนต่างๆ สุวรรณภูมิ จีน ศรีลังกา มองโกเลีย เอเชียกลาง อิหร่าน อิยิปต์
นำท่านชม หมู่ถ้ำขันธคีรี (Khandagiri) ซึ่งถือว่าเป็นหมู่ถ้ำศาสนาเชน ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบหินตัด และเจาะเข้าไปในภูเขา ซึ่งกินพื้นที่ภูเขา 2 ลูกคือ ขันธคีรีและอุทายคีรี หมู่ถ้ำเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยแบ่งจากช่วงระยะเวลาที่ถูกสร้างขึ้น โดยถ้ำกลุ่มแรก ถูกสร้างขึ้นในช่วง 1 ศตวรรษก่อนคริสต์ศักราช (หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 4) และอีกกลุ่มถ้ำหนึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 9 – 11 (หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 14 – 16) โดยจำนวนถ้ำที่ทางกรมโบราณคดีแห่งประเทศอินเดีย ได้แจกแจง ว่าขันธคีรี มีถ้ำจำนวนทั้งสิ้น 15 ถ้ำ
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน(8)ที่ ภัตตาคาร ลิ้มรสอาหารจีน
บ่าย นำท่านชม พิพิธภัณฑ์แห่งรัฐโอริสสา (Odisha State Museum) ปิดทุกวันจันทร์ และ เสาร์ที่ 2 และ 4 ของทุกเดือน ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์สถานที่สำคัญที่สุดในรัฐโอริสสาที่จัดแสดงโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของรัฐไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปแกะสลัก และสิ่งของเครื่องใช้ของคนยุคโบราณ รวมไปถึงเงินตราของเมืองปุรี เมืองท่าของรัฐโอริสสาที่ปรากฏหลักฐานการทำการค้าและธุรกิจกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเป็นจุดที่พระธรรมฑูตในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชที่ออกเดินทางเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา (ค่าทัวร์ไม่รวมค่าถ่ายภาพ ประมาณ 100 รูปี/กล้อง)
นำท่านชม เทวาลัยราชรานี (Rajarani Temple) สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 11 (หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 16) โดยแต่ในอดีตทุกคนจะรู้จักในนามของ “เทวาลัยอินเดรศวร” อันมีความหมายว่า “เทวาลัยแห่งความรัก” อันมีที่มาจากภาพแกะสลักรูปผู้หญิง และคู่รักจำนวนมากภายในเทวาลัยแห่งนี้ gทวาลัยเทวาลัยราชรานี ถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบพนาห์กราถา (Pnahcratha) ซึ่งมีลักษณะการสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้าง 2 จุดบนฐานเดียวกัน โดยอาคารทั้ง 2 ประกอบไปด้วย ศาลหลัก หรือถูกเรียกว่า วิมานา (Vimana) ซึ่งคล้ายกับภาษาไทยคำว่า วิมาน นั่นเอง ที่มียอดคล้ายฝักข้าวโพด หรือถูกเรียกว่า บาดา (Bada) ที่มีความสูง 18 เมตร และอีกอาคารหนึ่งถูกเรียกว่า หอชมการแสดง หรือถูกเรียกว่า จากาโมฮานา (Jagamohana) โดยมีปิรามิดเป็นยอดหรือหลังคาของอาคาร
นำท่านชม เทวาลัยมุกเตศวร (Mukteshwara Temple) สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 10 (หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 15) ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเทวาลัยที่มีขนาดเล็กที่สุดในเมืองภูวเนศวร แต่ด้วยความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรม ที่มีการแกะสลักได้อย่างอลังการ ทำให้เทวสถานแห่งนี้ได้รับสมญานามว่า “อัญมณีแห่งโอริสสา” โดยจุดที่น่าสนใจของสถานที่แห่งนี้คือสถาปัตยกรรมและการแกะสลักบริเวณซุ้มประตูที่มีลักษณะแตกต่างจากเทวสถานแห่งอื่นในเมืองภูวเนศวร แล้วนำท่านช้อปปิ้งที่ Mall (อาหารค่ำอิสระ) แล้วเดินทางสู่ สนามบิน
22.45 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน Indigo เที่ยวบิน 6E1066
02.55 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ.................
หมายเหตุ : โปรแกรมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ความปลอดภัย และสภาพอากาศของแต่ละเมือง ซึ่งอาจล่าช้าจนทำให้บางสถานที่ท่องเที่ยวอาจไม่ทัน โดยจะคำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญ