04.30 น. คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น4 เคาน์เตอร์สายการบินไทย เจ้าหน้าที่บริษัทต้อนรับและอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน
07.00 น. ออกเดินทางจากสู่ เดลลี โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 323 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
09.55 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิราคานธี เมืองเดลลี (New Delhi) ตามเวลาท้องถิ่นผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระ…รอต่อเครื่องบินในประเทศ
เวลาที่อินเดียช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง
เมืองเดลี (Delhi) หรือชื่ออย่างเป็นทางการ ดินแดนเมืองหลวงแห่งชาติเดลี (National Capital Territory of Delhi) ย่อว่า เอ็นซีที (NCT) เป็นนครและดินแดนสหภาพของประเทศอินเดีย ประกอบด้วย นิวเดลี เมืองหลวงของประเทศอินเดีย
16.50 น. ออกเดินทางจากสู่ ชัยปุระ โดยสายการบิน Indigo เที่ยวบิน 6E 6179
17.40 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานเมืองชัยปุระ เมืองหลวงของรัฐราชสถาน…รับกระเป๋าสัมภาระ ชัยปุระ...เมืองหลวงของรัฐราชสถาน ก่อตั้งเมื่อ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1727 โดยมหาราชาสวาอี ชัยสิงห์ที่ 2 เจ้าครองนครอาเมร์ (Amer) ในปัจจุบันชัยปุระยังเป็นที่รู้จักกันดีในอินเดียว่า "นครสีชมพู" สาเหตุเนื่องมาจาก ในปี ค.ศ. 1876 ในรัชสมัยของมหาราชาสวาอี ราม สิงห์ (Sawai Ram Singh) ได้มีพระบัญชาให้ทาสีอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ในเมืองเป็นสีชมพูเพื่อเป็นการต้อนรับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ในคราที่เสด็จเยือนชัยปุระอย่างเป็นทางการ ซึ่งสีชมพูนั้นก็ยังคงไว้จนถึงปัจจุบันและได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของชัยปุระ จนทุกวันนี้...นำท่านไปจุดเช็คอินสุดชิค ประตูปาตริก้า (Patrika gate) ประตูเมืองลำดับที่ 9 ของนครชัยปุระ ตั้งอยู่บริเวณวงเวียนจาวาฮาร์ (Jawahar Circle) ประตูสีพาสเทลสดใส สะบัดส่าหรีกันอให้เต็มที่รับรองรูปออกมาปังแน่นอน!
นำท่านเช็คอิน สัญลักษณ์เมืองชัยปุระพระราชวังแห่งสายลม (Hawa Mahal) ถ่ายรูปด้านนอกเท่านั้น หนึ่งในหลายพระราชวังที่อยู่ในกำแพงเมืองของนครสีชมพูแห่งนี้ พระราชวังสายลมเคยเป็นฮาเร็มของมหาราชา มีลักษณะเป็นอาคาร 5 ชั้น สร้างด้วยหินทรายออกแดง รูปแบบของสถาปัตยกรรม สไตล์เปอร์เซียกับโมกุล ที่สวยเด่นคือลวดลายฉลุหินตามหน้าต่าง ช่องระบายอากาศที่บรรดา นางสนมในวังใช้เป็นที่แอบดูชีวิต ความเป็นอยู่ของสามัญชนทั่วไปด้านนอก และประโยชน์อีกอย่างคือเป็นช่องแสงและช่องลมมีช่องหน้าต่าง จำนวนมากถึง 152 ช่อง เลยทีเดียว
อุ่นเครื่องทักษะต่อรองราคาที่ ตลาดฮาวามาฮาล (Hawa Mahal Bazaar) มีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หรือเครื่องประดับหลากหลากหลายแบบ ได้ตามอัธยาศัย หรือจะไปคาเฟ่เก๋ๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ชมวิวฮาวามาฮาลแบบสุดปังก็ยังได้
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม
ที่พัก: Ramada Jaipur หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
ที่พัก Ramada Jaipur หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม
จากนั้น นำท่านไป แอมเบอร์ฟอร์ท (Amber fort) ไฮไลท์นั่งช้างขึ้นชมพระราชวัง เดิมเคยเป็นราชธานีของเมืองชัยปุระ สร้างที่เคยเป็นป้อมปราการเก่าในศตวรรษที่ 11 สร้างขึ้นโดยมหาราชาแมนสิงห์ ใน ปี ค.ศ. 1592 และเสร็จสิ้นในสมัยของมหาราชาใจสิงห์ ป้อมแห่งนี้เป็นต้นแบบที่ดีของสถาปัตยกรรมแบบราชปุต (Rajput) นอกจากนี้ในสมัยก่อนด้านล่างของป้อมยังเป็นทะเลสาบ จึงเป็นปราการสำคัญเพื่อป้องกันข้าศึกได้อีกชั้น ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของราชวงศ์กาญจวาหาอยู่หลายร้อยปี ก่อนมหาราชาสะหวายจัย ซิงห์ที่ 2 จะตัดสินใจย้ายลงไปสร้างเมืองใหม่ยังชัยปุระ....ภายในพระราชวังแอมเบอร์ฟอร์ท ประกอบด้วยพระตำหนักต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะสร้างในสมัยของมหาราชามาน ซิงห์ (Maharaja Man Singh) ในปี ค.ศ. 1592 และได้มีการขยายต่อเติมโดยมหาราชาองค์ต่อๆมา ช่วงนั้นจักรวรรดิโมกุลเข้ามามีอิทธิพลในดินแดนนี้จึงทำให้รูปแบบสถาปัตยกรรมภายในเป็นการผสมผสานระหว่างราชปุตกับโมกุล...ได้เวลาอันสมควรนำท่านนั่งรถจี๊บกลับ
นำท่านชม บ่อน้ำขั้นบันได พานนา มีนา กา คุนด์ (Panna Meena Ka Kund) หรือ บ่อน้ำโบราณแบบขั้นบันไดใจกลางเมือง ตั้งอยู่ใกล้กับแอมเบอร์ฟอร์ต ออกแบบเป็นแนวทแยงแปดชั้นจากปากบ่อลงไปด้านล่างก้นบ่อนับเป็นสถาปัตยกรรมสวยงาม ที่เป็นเสมือนอัญมณีที่ซ่อนอยู่ของ นครชัยปุระแห่งนี้
แวะถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ณ จาลมาฮาล (Jal Mahal) หรือพระราชวังสายน้ำ (Water Palace) ซึ่งตั้งเด่นสง่าอยู่กลางทะเลสาบมันสกา (Man Sagar) โดยพระราชวังแห่งนี้ถูกต่อเติมและปรับปรุงโดยมหาราชาสะหวายจัยสิงห์ที่ 2 ตัวพระราชวังนั้นสร้างได้อย่างสวยงามตามสถาปัตยกรรมราชปุตและโมกุลซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปในสิ่งก่อสร้างในรัฐราชสถาน โดยมีเทือกเขานหาร์การห์ตั้งอยู่เบื้องหลัง ตัวอาคารสร้างโดยใช้หินทราย ประกอบด้วยทั้งหมด 5 ชั้นซึ่ง 4 ชั้นล่างจะถูกน้ำท่วมเมื่อทะเลสาบมีระดับน้ำสูงสุด โดยเหลือเพียงชั้นบนสุดซึ่งจะเผยขึ้นมาเหนือน้ำเท่านั้น
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ โรงแรม
บ่าย นำท่านชม พระราชวังหลวงหรือพระราชวังซิตี้พาเลซ (City Palace) พระราชวังอันเป็นที่ประทับของมหาราชาแห่งชัยปุระ สร้างขึ้นในสมัยมหาราชาไสวจัยซิงห์ที่ 2 จากนั้นก็ได้รับการดูแลต่อเติมโดยมหาราชาของชัยปุระรุ่นต่อๆมา โดยสถาปัตยกรรมได้รับการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบ ราชปุตกับโมกุล โดยซิตี้พาเลซได้เปิดให้เข้าชมในนามของพิพิธภัณฑ์ไสวมานซิงห์ ภายในเขตพระราชฐานมีศาลาว่าราชการที่มหาราชาใช้ปรึกษางานกับข้าราชบริพาร ตั้งอยู่กลางผังพระราชวังและเหยือกเงิน (Silver Urms) แท้ๆ 2 ใบของมหาราชามัดโฮซิงห์ที่ 2 (Maharaja Madho Singh II) ซึ่งเหยือกสีเงินนี้จะวางอยู่ของประตูทางเข้า เหยือกนี้มีความสูงถึง 1.6 เมตร บรรจุน้ำได้ 900 ลิตร ในอดีตเคยถูกใช้บรรจุน้ำจากแม่น้ำคงคาเพื่อนำไปใช้ในพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 7
Private Zone พระราชวังส่วนในของมหาราชา
ชมห้องพิเศษเพิ่มอีก 3 ห้อง โดยมีไกด์พาเราเดินชมจุดต่างๆ มีบริการเครื่องดื่ม ชา กาแฟ หรือน้ำผลไม้ พร้อมของว่าง และยังสามารถชมวิวมุมสูงของซิตี้พาเลสได้ด้วย
1.The Blue Palace or Sukh Niwas – ไฮไลต์ที่ใครๆมาชัยปุระก็ต้องแวะ เป็นห้องที่มักจะเห็นตามหนังสือ สื่อโซเชียลต่างๆ เป็นที่นิยมสำหรับ สายถ่ายรูป สายทำคอนเทนต์ และบล็อกเกอร์จากทั่วโลก ในอดีตเป็นห้องสำหรับพักพระวรกายของราชวงศ์ด้วยการโล้ชิงช้า ห้องนี้เน้นโทนสีฟ้า และมีการเขียนลวดลายเป็นดอกไม้ ใบไม้ด้วยสีขาว ดูสวยงามทีเดียว
2.The Room of Mirrors or the Sri Niwas เป็นห้องบรรทม ผนังและเพดานห้องประดับประดาด้วยกระจก ไฮไลท์ของห้องนี้คือ เมื่อปิดประตูแล้วจุดเทียน จะเห็นความวับวาวของกระจกที่สะท้อนแสงเทียน ดูระยิบระยับเหมือนดวงดาว
3. The Golden room of Shobha Niwas - ห้องนี้คล้ายๆ เป็นห้องรับแขก เป็นอีกห้องที่สวยงาม ห้องนี้ออกโทนสีทอง ภายในตกแต่งด้วยหินอ่อนและมีเสาสีทอง ประดับประดาด้วยกระจก หินสีแดง สีเขียว ตกแต่งเป็นลวดลายดอกไม้อยู่บนผนังและเพดาน
***ราคาโซนพิเศษไม่รวมในค่าทัวร์ โปรดสอบถามกับหัวหน้าทัวร์อีกครั้ง***
นำท่านชม หอดูดาวจันทรามันตรา (Jantar Mantar observatory) อนุสรณ์สถานทางด้านดาราศาสตร์ที่สร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 ตั้งอยู่ใกสร้างโดยมหาราชา ไสว สิงห์ที่ 2 (ค.ศ.1699 – 1743) ผู้มีความสามารถทางด้านดาราศาสตร์แห่งราชวงศ์โมกุล หอดูดาวจันทรามันตราเป็นหอดูดาวแห่งแรกและเป็น 1 ใน 5 หอดูดาวที่ทรงสร้างขึ้น มีสภาพสมบูรณ์และมีขนาดใหญ่ที่สุด หอดูดาวอีก 4 แห่งถูกสร้างขึ้นใน เมืองต่างๆ ดังนี้ กรุงนิวเดลี (Delhi) เมืองอุชเชน (Ujjain) เมืองพาราณสี (Varanasi) และ เมืองมธุรา (Matura) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
จากนั้น ออกเดินทางสู่ เมืองบิคาเนอร์ (Bikaner) ระยะทาง 340 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมงเมืองนี้ก่อตั้งในปี 1488 โดยเจ้าชายแห่ง Rathore คือเจ้าชาย Rao Bikaji พระโอรสของมหาราชา Rao Jodhaji ผู้ก่อตั้งเมืองจ๊อดปูร์ (Jodhpur) ด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันนักกับพระบิดา จึงทำให้เจ้าชาย Rao Bikaji ออกไปสร้างอาณาจักรใหม่ของตนเองให้ห่างจากเมือง Jodhpur พระองค์ได้แปลงพื้นที่รกร้างว่างเปล่าขนาดใหญ่ที่ยังไม่มีผู้คนไปอยู่อาศัยทางเหนือของจ๊อดปูร์ให้เป็นเมืองบิคาเนอร์ที่เรารูจักกันในปัจจุบัน เมืองที่เปี่ยมสีสันแห่งนี้โอบล้อมด้วยกำแพงยาว 7 กิโลเมตร โดยมีประตูทางเข้า 5 ประตู และเป็นที่ตั้งของป้อมปราการมากมาย รวมถึงวัด และเทวาลัยจำนวนมาก บิคาเนอร์ในปัจจุบันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สี่ของรัฐราชาสถาน แม้ว่าจะอยู่ในทะเลทรายธาร์ แต่เมืองบิคาเนอร์ถือเป็นโอเอซิสบนเส้นทางการค้าระหว่างเอเชียกลางและชายฝั่งคุชราต
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม
ที่พัก: Vesta Bikaner หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
ที่พัก Vesta Bikaner หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม
จากนั้น นำท่านชม ป้อมสีแดงแห่งเมืองบิคาเนอร์ หรือป้อมจูนนาการ์ (Junagarh Fort) วังมหาราชาที่อยู่ในสภาพดีสุดแห่งหนึ่งในราชาสถาน สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1588 ถูกสร้างขึ้นโดยราชปุต Rao Bika ด้วยการต่อสู้กับชนพื้นเมืองจนสามารถตั้งถิ่นฐานได้ แม้ผ่านการรุกรานจากมหาโมกุลหลายครั้งแต่ทะเลทรายที่อยู่รอบด้านรวมทั้งความกล้าหาญของนักรบ ช่วยให้เมืองอยู่รอดเสมอมา ภายในป้อมใหญ่แบ่งเป็นหลายส่วน เช่น Chandra Mahal, Phool Mahal, Karan Mahal และ Anoop Mahal
จากนั้นนำท่าน นั่งรถตุ๊กตุ๊กชมย่านเมืองเก่าเมืองบิคาเนอร์ ชมรัมปูเรียฮาเวลี (Rampuria Haveli) คฤหาสน์สุดหรู 7 หลัง ของท่านเศรษฐีบิคาเนอร์ สร้างขึ้นต้ังแต่ช่วงปี ค.ศ. 1400 มีการใช้หินทรายแดงในการสร้างคฤหาสน์ทุกหลัง แกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรบรรจง ตกแต่งด้วยไม้เนื้อดี มีการผสมผสานงานศิลปะแบบโมกุล วิคตอเรียนและราชปุตได้ อย่างลงตัวถ่ายรูปลงอวดเพื่อนๆโซเชียลรับรองว่าปัง !
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เดินทางสู่ เมืองจัยแซลเมียร์ (Jaisalmer) ระยะทาง 330 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง จัยแซลเมียร์ คือเมืองที่ได้รับสมญานามว่า “นครสีทอง” ตั้งอยู่บนที่ราบสูงกลาง ที่ราบทะเลทรายธาร์ มีกำแพงสูงใหญ่ดูโอฬาร เป็นเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ทางตะวันตกสุดของแคว้นราชาสถาน ในอดีตเคยเป็นเส้นทางการค้าที่ สำคัญระหว่างอินเดียกับตะวันออกกลาง นครแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นจากหินทรายสีเหลืองเป็นส่วนใหญ่ เมื่อยามต้องแสงอาทิตย์อัสดงที่ไล้ลงบนพื้นผิวของหินเหล่านี้ ก็จะปรากฏให้เห็นเป็นสีทองอร่ามตา และนี่คือที่มาของสมญา “นครสีทอง” ด้วยเหตุที่จัยแซลเมียร์เคยเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญ ส่งผลให้พ่อค้าวาณิชย์ในตระกูลดังๆ หลายๆคนร่ำรวยกันอย่างมหาศาล กลายเป็นอภิมหาเศรษฐี มีคฤหาสน์ที่ใหญ่โตมโหฬาร
นำท่านเดินทางสู่ ทะเลยทรายธาร์ (Thar Desert) ทะเลทรายขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอินเดียและปากีสถาน มีพื้นที่มากกว่า 200,000 ตร.กม. ถือเป็นพื้นที่แห้งแล้งที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก ทะเลทรายมากกว่าร้อยละ 60 ตั้งอยู่ในรัฐราชสถาน ส่วนที่เหลือกระจายไปในรัฐคุชราต, รัฐปัญจาบ และรัฐหรยาณา และส่วนที่กระจายในปากีสถานอยู่ในแคว้นสินธ์ และแคว้นปัญจาบทะเลทรายล้อมรอบด้วยทิวเขาอะราวัลลีทางด้านตะวันออก แม่น้ำคงคาทางด้านตะวันตก แม่น้ำสัตเลชทางด้านเหนือและทะเลอาหรับ ทางด้านใต้
นำท่านขี่อูฐชมทะเลทรายธาร์ ชมสันทราย Sam Sand Dunes เป็นที่ซึ่งโค้งขอบฟ้าจรดกับผืนแผ่นทรายได้อย่างงดงามเกินคำบรรยาย
ค่ำ พิเศษ!! ชมโชว์การเต้นระบำราชาสถานอันเป็นเอกลักษณ์และรับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก: Heritage Juma Camp หรือเทียบเท่า (คืนที่ 3)
ที่พัก Heritage Juma Camp หรือเทียบเท่า (คืนที่ 3)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม
นำท่านชม วัดจักดิศ (Jagdish Temple) วัดฮินดูที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอุไดปูร์ มีอายุเกือบ 400 ปี สร้างในปี ค.ศ. 1651 ในสมัยของมหารานาจากัต ซิงห์ที่ 2 (Maharana Jagat Singh II) โดยภายในมีหินสีดำแกะสลักเป็นรูปจากานนาทซึ่งเป็นภาคหนึ่งชองพระวิษณุ และยังมีจุดเด่นอยู่ตรงการแกะสลักผนังวัดเป็นรูปนางอัปสราและสัตว์ลักษณะต่างๆ…จากนั้น ช้อปปิ้งเลือกซื้อของฝากบริเวณวัดจักดิศ
จากนั้นชม พระราชวังหลวงอุไดปูร์ (Udaipur City Palace) ศูนย์กลางความวิจิตรอลังการ พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่เริ่มสร้างเมืองเมื่อปี ค.ศ. 1559 โดย Maharana Udai Singh และได้ต่อเติมขยับขยายเรื่อยมาโดยมหาราชาผู้ครองนครในยุคต่อมา จนกลายเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในราชาสถานอย่างที่เห็นในทุกวันนี้
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม สวนราชินี Saheliyon-ki-Bari สร้างโดย รานา ซันแกรม ซิงห์ (Rana Sangram Singh) สร้างให้กับพระชายาของพระองค์เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับเชื้อพระวงศ์ฝ่ายหญิงในช่วงฤดูร้อน ชมสระบัวขนาดใหญ่ น้ำพุและดอกไม้ ต้นไม้นานาพันธุ์ในสวนแห่งนี้…นำท่านเดินทางสู่สนามบินอุไดปูร์
นำท่านชม บาร์กอร์ กิ ฮาเวลี (Bagore Ki Haveli) สร้างขึ้นโดย Shri Amar Chand Badwa ซึ่งเป็นเจ้าเมืองในขณะนั้นในปี ค.ศ.1751 ภายหลังได้ตกเป็นของมหาราชา และถูกปล่อยทิ้งร้างไว้เป็นเวลานาน ก่อนที่จะถูกบูรณะและปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์เมื่อปี ค.ศ.1986 ภายจัดแสดงห้องต่างๆ ของเศรษฐีในยุคนั้นชม ท่าน้ำกานกัวร์ (Gangaur Ghat) ตั้งอยู่ริมทะเลสาบพิโชล่า
20.00 น. ออกเดินทางสู่ เดลลี โดยายการบินอินดิโก เที่ยวบินที่ 6E 6084
21.20 น. เดินทางถึง เดลลี นำท่านเช็คอินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ
03.20 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 332
09.15 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ...